Web Analytics Made Easy - Statcounter

ASW โชว์เหนือ บ้าน-คอนโดฯสร้างเสร็จพร้อมอยู่ทะลัก 1.4 หมื่นล้าน คาดดันรายได้ฉลุย

ASW-บมจ.แอสเซทไวส์ เผย 2566 ปีทองของบริษัท สต๊อกสร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนทั้งปี 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,530 ล้านบาท ตามแผนปีหน้าทยอยสร้างเสร็จเพิ่มอีก 10 โครงการ ดันแบ็กล็อกทะลุ 23,177 ล้านบาท เล็งบุกภูเก็ตต่อเนื่อง หลังปิดการขาย “เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา” เฟสแรกได้ภายในวันเดียว

วันที่ 15 ธันวาคม 2566 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ-We Build Happiness”

เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2566 ถือเป็นปีทองของบริษัท มีโครงการใหม่ทยอยสร้างเสร็จเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รวม 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,530 ล้านบาท

ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่กำหนดสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/66 จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,400 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเคฟ โคโลนี (Kave Colony) มียอดขาย 100% มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จุดเด่นคือทำเลใกล้ ม.กรุงเทพ และส่วนกลางจัดเต็มกว่า 30 รายการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาว

คอนโดฯแอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis Onnut) มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท, แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi) มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท และดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueng Changwattana) มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการที่คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนต่อเนื่องในปีหน้าอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 23,177 ล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพของ ASW ซึ่งมั่นใจได้ว่าบริษัทมีภาพการเติบโต และแผนการรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง

ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ได้ปรับเพิ่มเป็น 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท จากแผนเดิม 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต

โดยไตรมาส 4/66 เตรียมเปิดตัวใหม่ 5 โครงการ รวมมูลค่า 15,100 ล้านบาท ได้แก่

1.เคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาท เปิดให้ชมห้องตัวอย่างปลายเดือน ธ.ค.นี้

2.แอทโมซ แคนวาส ระยอง (Atmoz Canvas Rayong) 674 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท อยู่ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

3.โมดิซ โวยาด ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin) 813 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าเพียง 300 ม. สายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา

4.โครงการดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) บ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ จำนวน 106 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้านบาท ซึ่งมีบ้านตัวอย่างให้เยี่ยมชมถึง 6 หลัง

และ 5.เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา (The Title Legendary Bang-Tao) 637 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท

“โครงการเดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตลาดอสังหาฯภูเก็ต ภายหลังจัดงาน Agent Day สามารถปิดการขายผ่านเอเย่นต์ในเฟสแรกกว่า 300 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาทในเพียงวันเดียว จึงเชื่อมั่นว่าอสังหาฯภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ” นายกรมเชษฐ์กล่าว

นายกรมเชษฐ์กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2566 ตลาดเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัจจัยอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐขาดความต่อเนื่อง เกิดการชะลอการลงทุนของภาคเอกชน ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2/66 และ 3/66 เกิดภาวะสุญญากาศ ผู้บริโภคชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยบางเซ็กเมนต์ยังมีกำลังซื้อที่ดี เช่น คอนโดมิเนียมรอบมหาวิทยาลัย (Campus Condo) เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และบริหารเงินด้วยการซื้อคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาว ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ รวมทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง

นอกจากนี้พบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ๆ มีการเติบโตที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง

ASW คาดการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพีที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8-3.3% ประเมินจากตลาดอสังหาฯ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบวกจากปัจจัยต่าง ๆ

ทั้งสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ที่ไม่ได้ขยายวง, ดอกเบี้ยนโยบายของไทยเริ่มทรงตัว รวมทั้งแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่กำลังทยอยออกมา อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567, โครงการ Digital Wallet เป็นต้น รวมถึงแรงซื้อจากชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น

“ปี 2567 ASW เตรียมขยายการลงทุนอสังหาฯในภูเก็ต ผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE และบริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด หรือ BGA เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว และคนทำงานในจังหวัดภูเก็ต” นายกรมเชษฐ์กล่าว

อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ-We Build Happiness”

ปัจจุบันได้พัฒนาบ้านและคอนโดมิเนียมสะสม 57 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ เคฟ (KAVE), แอทโมซ (ATMOZ), โมดิซ (MODIZ), เอสต้า (ESTA), ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR) และ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR)

รวมมูลค่าโครงการกว่า 67,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 41 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 16,337 ล้านบาท








ที่มา:https://www.prachachat.net/property/news-1460531

ที่ 15/12/2023

อัพเดทเมื่อวันที่ 15/12/2023
บทความ สาระน่ารู้